เปิดโพรไฟล์ 4 สาวแกร่งรุ่นใหม่ ผู้ก่อตั้ง 4 แบรนด์ธุรกิจอาหารชื่อดัง!
5 เม.ย. 2565 by @ Sammy Ladymonster
1526
ถูกอ่าน

ยุคนี้เป็นยุคของสตาร์ทอัพจริงๆเลยค่ะ หลายคนหันมาเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเอง ใครถนัดด้านไหนก็อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจด้านนั้น เลดี้หลายคนก็คงกำลังมีความคิดอยากจะประสบความสำเร็จเป็นสาวสวยอายุน้อยร้อยล้านกันบ้างเหมือนกันใช่มั้ยคะ 1 ในธุรกิจที่หลายคนสนใจนั่นก็คือ “ธุรกิจอาหาร” ไม่ว่าจะเป็นเปิดร้านอาหารคาวหวาน ทำเบเกอรี่ขายหน้าร้านและออนไลน์ ทำอาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป และอื่นๆ เพราะเป็นอะไรที่คนเราขาดไม่ได้ ต้องกินต้องซื้อกันตลอดนั่นเองค่ะ

 

วันนี้ Ladymonster จะมาแนะนำ 4 นักธุรกิจสาวตัวแม่แห่งวงการธุรกิจอาหารรุ่นใหม่ ที่เรียกว่าประสบความสำเร็จมากๆในยุคนี้กันค่ะ จะมีใครบ้าง และอะไรที่จุดประกายให้พวกเธอเริ่มต้นทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จในวันนี้ ตามมาดูกันเลยค่ะ

 

 

 

1 - ชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ (เจ้าของแบรนด์ Diamond Grains)

Diamond Grains เป็นแบรนด์ธัญพืชอบกรอบหรือที่เรียกว่า “กราโนล่า” เจ้าแรกในประเทศไทย มีวางจำหน่ายทั่วประเทศทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ไปจนถึง Modern Trade ต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีการเติบโตสูงมาก โดย Diamond Grains จดทะเบียนบริษัทเมื่อปี พ.ศ.2556 แต่สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 เท่า และทำกำไรเพิ่มกว่า 447 เท่าได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น

 

ชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ หรือ “อูล” ปัจจุบันอายุ 29 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

คุณอูลเป็นผู้เริ่มต้นธุรกิจธัญพืชอบกรอบ Diamond Grains และจุดประกายให้กราโนล่ากลายเป็นสินค้ายอดฮิตในประเทศไทย ร่วมกับคุณวุฒิกานต์ วงศ์ดีประสิทธิ์ หรือ “แพ็ค” สามีของเธอ ทั้งคู่เริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับของกินร่วมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เนื่องจากทั้งคู่เป็นคนชอบกิน และมีความฝันอยากทำธุรกิจเหมือนกัน โดยเริ่มจากการอบคุ้กกี้ อบธัญพืชให้เพื่อนๆได้ชิม ปรับสูตรมาเรื่อยๆ จนขยับมาทำแคเทอริ่งเสิร์ฟตามงานต่างๆแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนมาคุยกันถึงทิศทางตลาดในอนาคต ทั้งสองคนมองว่าเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพกำลังมา แต่ในประเทศไทยยังไม่มีใครจับทางธุรกิจสายนี้ ทั้งคู่จึงตัดสินใจทำอาหารเพื่อสุขภาพโดยเริ่มจากกราโนล่าบาร์ นำไปเสนอเพื่อวางขายตามร้านขนม ร้านกาแฟต่างๆแต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่มีใครรับ เนื่องจากมองว่าเป็นสินค้าที่ขายยาก ทำให้ทั้งคู่เริ่มท้อ แต่ยังไม่ถอย กลับยิ่งพยายามมากขึ้น ปรับเปลี่ยนรูปแบบ สูตร รวมถึงมุมมองในการทำธุรกิจ จากที่เคยคิดว่า อยากทำอะไร อยากขายอะไร เปลี่ยนมาเป็นความคิดว่า ลูกค้าอยากได้อะไร ผู้บริโภคต้องการอะไร ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก จนกลายมาเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน

 

 

2 - นัทธมน พิศาลกิจวนิช (เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร สุกี้ตี๋น้อย)

สุกี้ตี๋น้อย ร้านสุกี้ชาบูแบบบุฟเฟต์ที่กระแสมาแรงแซงโค้งมากในช่วงหลังนี้ เป็นร้านที่ครองใจคนทุกเพศทุกวัยรวมไปถึงคนนอนดึกหิวดึก เพราะในช่วงเวลาปกติเค้าเปิดให้บริการตั้งแต่ 12.00 - 05.00 น. เรียกว่าเที่ยงวันยันเช้ากันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีราคาถูกแต่คุณภาพแน่น มีเมนูให้สั่งกันแบบหลากหลายแบบเกินคำว่าคุ้ม “สุกี้ตี๋น้อย” จดทะเบียนธุรกิจในชื่อ “บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป” เมื่อปี พ.ศ. 2562 มีผลการดำเนินงานที่ดีมากๆแบบก้าวกระโดด ในปีพ.ศ. 2563 สุกี้ตี๋น้อยมีรายได้รวมถึง 1,222 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 140 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 833.33% เลยทีเดียว และในปี พ.ศ. 2565 นี้ก็ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท เพราะกำลังมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 3 ปีนี้อีกด้วย

 

นัทธมน พิศาลกิจวนิช หรือ “เฟิร์น” ปัจจุบันอายุ 29 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ จาก University of Melbourne ประเทศออสเตรเลีย ต่อด้วยปริญญาโทคณะ Luxury Management and Marketing จาก Emlyon business school ประเทศฝรั่งเศส

 

คุณเฟิร์นเริ่มต้นการทำงานหลังจากเรียนจบด้วยการเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่พักนึงแต่รู้สึกว่ายังไม่ตอบโจทย์ในสิ่งที่เธอต้องการ เธอตัดสินใจออกไปทำธุรกิจร้านอาหาร เนื่องจากครอบครัวของเธอเองเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนชื่อว่าร้าน “เรือนปั้นหยา” แต่ร้านนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานในเรื่องของรสชาติอาหารเมื่อมีการขยายสาขา เธอจึงนำข้อนี้มาปรับใช้ในธุรกิจของเธอคือการมีครัวกลางในการผลิตอาหารให้ได้มาตรฐานและกระจายไปยังสาขาต่างๆ และอีกสิ่งที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารสุกี้ตี๋น้อยของเธอประสบความสำเร็จคือการสร้างความแตกต่างและความคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้บริการจนถึงเกือบเช้า เอาใจคนนอนดึก การเปิดสาขาแบบ Stand Alone มีที่จอดรถรองรับอย่างเพียงพอต่อลูกค้า และความหลากหลายที่มีมากกว่าบุฟเฟต์ราคาถูกเจ้าอื่น จึงทำให้เธอกลายเป็น 1 ในนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่อดทนและมุ่งมั่นในการทำความฝันจนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน

 

 

3 - อัจฉรา บุรารักษ์ (เจ้าของธุรกิจในเครือ iberry Group)

iberry Group เป็นชื่อที่เรียกรวมๆกันของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารชื่อดังอย่าง ร้าน iberry / กับข้าว’กับปลา / รส’นิยม/ Café Pla / โรงสีโภชนา และอื่นๆ ที่มีเจ้าของคนเดียวกัน จดทะเบียนธุรกิจในนาม บริษัท ไอเบอร์รี่ โฮมเมด จำกัด ปัจจุบันมีสาขาในเครือรวมกันกว่า 60 สาขา ยอดขายรวมกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเริ่มต้นมาจากร้านไอศกรีมเล็กๆที่ชื่อว่า “iberry” ที่กลายมาเป็นผู้จุดกระแสไอศกรีมผลไม้ในประเทศไทยเลยทีเดียว และ iberry Group ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีแพลนจะขยายอาณาจักรและมีโปรเจคร้านใหม่ๆออกมาอยู่เสมอ

 

อัจฉรา บุรารักษ์ หรือ “ปลา” ปัจจุบันอายุ 47 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรังสิต อดีตเลขานุการผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงแรมเพนนินซูล่า และอดีตแอร์โฮสเตส สายการบินเลาด้า แอร์

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2542 คุณปลาตัดสินใจลาออกจากการเป็นแอร์โฮสเตส เพราะคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับเธอนัก ด้วยความชอบในการทำอาหารและชอบไอศกรีมเป็นทุนเดิม บวกกับเธอมีโอกาสไปเห็นไอศกรีมเจลาโต้ที่ต่างประเทศ และรู้สึกว่าน่าสนใจ เธอจึงตัดสินใจเปิดร้านไอศกรีมเล็กๆร่วมกับพี่ชาย ซึ่งขณะนั้นเธอมีอายุเพียงแค่ 23 ปี และไม่มีพื้นฐานทางด้านการทำธุรกิจมาก่อนเลย แต่เธอกลับมองว่าการที่เธออายุน้อยและไม่มีความรู้ด้านธุรกิจเป็นข้อดีอย่างนึง คือเธอไม่มีความกลัว เธอไม่ต้องยึดติดอยู่กับทฤษฎีหรือหลักการมากนัก และหากครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จจนต้องล้มไปเธอก็ยังมีเวลาและมีโอกาสในการลุกขึ้นอีกเรื่อยๆ โดยจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ร้าน iberry ของเธอประสบความสำเร็จคือการนำผลไม้ทั้งจากไทยและทั่วโลกมาแปรรูปเป็นไอศกรีมผลไม้ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครในขณะนั้น และด้วยความไม่หยุดพัฒนา เธอจึงสร้างแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆที่มีจุดเด่นแตกต่างกันไปออกมาเรื่อยๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในหลายๆกลุ่มนั่นเอง

 

 

4 - กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ (เจ้าของธุรกิจร้านขนม After You)

After You ร้านขนมหวานชื่อดังที่หลายคนรู้จักกันดี กับเมนูยอดฮิตมากมายอย่าง ชิบูยา ฮันนี่โทสต์ / ช็อคโกแลตลาวา / คาคิโกริ และอื่นๆ กับปรากฎการณ์ต่อแถวซื้อที่แม้ผ่านมากว่า 15 ปีแล้วยังมีลูกค้ายืนต่อคิวยาวเหยียดอยู่เสมอ อาฟเตอร์ ยู เปิดสาขาแรกคือที่ เจ อเวนิว ทองหล่อ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2550 ในขนาดพื้นที่ 100 ตร.ม. ด้วยเงินลงทุนประมาณ 4.5 ล้านบาท หลังจากนั้นก็สามารถทำยอดขายและกำไรได้อย่างดีเสมอมา

 

กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ หรือ “เมย์” ปัจจุบันอายุ 39 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

คุณเมย์เริ่มมีความคิดอยากทำร้านขนมหวานแบบที่ยังไม่มีใครทำกันในสมัยนั้น หรือแบบที่เป็นอาฟเตอร์ยูในปัจจุบันมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้น ม.5 ทันทีที่เรียนจบปริญญาตรีจึงรีบไปปรึกษาคุณพ่อว่าอยากเปิดร้านขนมแต่ขณะนั้นคุณพ่อได้ห้ามไว้ และแนะนำให้ทำธุรกิจร้านอาหารทะเลแทน เนื่องจากครอบครัวมีธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารทะเลอยู่แล้ว แต่ด้วยตอนนั้นเธอยังขาดประสบการณ์จึงทำให้ธุรกิจร้านอาหารทะเลไปได้ไม่ค่อยดี และตัดสินใจปิดตัวลง หลังจากนั้น จึงเริ่มต้นทำธุรกิจร้านขนมหวานอย่างที่เคยตั้งใจ โดยร่วมหุ้นกับ “แม่ทัพ ต.สุวรรณ” ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เคยช่วยกันทำร้านอาหารทะเลมาก่อน และมีเพื่อนๆร่วมหุ้นอีกเล็กน้อย จนกลายมาเป็นร้าน “อาฟเตอร์ ยู” สาขาแรกขึ้นมา ถึงแม้คุณเมย์จะไม่เคยเรียนทำอาหารมาก่อน แต่ด้วยความชอบตั้งแต่เด็ก ฝึกทำลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ทั้งจากการดูรายการทำอาหารของต่างประเทศบ่อยๆ รวมถึงชอบเดินทางไปชิมขนมจากทั่วสารทิศทั้งไทยเทศ จึงทำให้ทุกเมนูในร้านอาฟเตอร์ยูผ่านการคิดค้นและใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การคิดและปรับสูตร การคัดเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงกระบวนการทำที่ยอมเสียเวลาทำช้าแต่ได้มาซึ่งขนมหวานคุณภาพดีมาเสิร์ฟให้ลูกค้าในทุกจาน ไม่แปลกใจเลยที่ทำให้ลูกค้าเก่าติดใจ และมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ

 

🥜🍯🍞🥐🥨🥞🧇

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับเรื่องราวของ 4 สาวนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงผู้ปลุกกระแสวงการธุรกิจอาหารไทยในยุคนี้ แต่ละคนต้องบอกเลยว่ากว่าจะประสบความสำเร็จไม่ใช่ง่ายๆ และสิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนๆกันคือ ความรักในสิ่งที่ทำ พี่เลดี้เชื่อว่าถ้าเราได้ทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่เราทำมากพอ รวมถึงพยายามหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคจะต้องประสบความสำเร็จสักวันแน่นอนค่ะ

 

แต่ท้ายที่สุดแล้ว นิยามความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมากเกินไป แต่จงตั้งเป้าหมายและชื่นชมกับความสำเร็จในแบบของตัวเองไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดพัฒนา และที่สำคัญอย่าลืมมีความสุขกับเรื่องราวระหว่างทาง แค่นี้ก็ดีมากๆแล้วล่ะค่ะ Ladymonster ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ♥